top of page

ศิลปะ

                    ทัศนธาตุกับการสร้างสรรค์งานศิลปะออกแบบ

เราสามารถนำรูปร่าง รูปทรง และน้ำหนัก มาจัดให้เกิดผลงานในงานออกแบบได้ ซึ่งมีหลักการจัดดังนี้
            1. เอกภาพ (Unity) หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การประสานกลมกลืนกันขององค์ประกอบต่างๆ ของศิลปะด้วยวิธีจัดระเบียบให้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเป็นกลุ่มก้อนไม่กระจัดกระจาย ในทางการออกแบบ รูปแบบที่มีเอกภาพ จะมีความชัดเจน มีความงามที่จะสื่อความหมายได้ง่ายและรวดเร็ว
            2. ความสมดุล (Balance) หมายถึง การนำส่วนประกอบต่างๆ ของศิลปะ เช่น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก มาจัดเข้าด้วยกันอย่างพอเหมาะพอดีให้เกิดน้ำหนักทั้งสองข้าง ซ้ายขวาเท่ากัน โดยมีแกนสมมติทำหน้าที่แบ่งภาพเป็นซ้าย-ขวา หรือ บน-ล่าง การเท่ากันนี้อาจจะไม่เท่ากันจริงก็ได้แต่เท่ากันในความรู้สึก ความสมดุลแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ความสมดุลสองข้างเท่ากัน และความสมดุลสองข้างไม่เท่ากัน
            3. จุดเด่น (Dominance) หมายถึง ส่วนสำคัญที่ปรากฏชัด สะดุดตาที่สุดของงานศิลปะประเภทต่างๆ รวมทั้งงานการออกแบบ จะเป็นส่วนที่เน้นแสดงออกถึงเรื่องราวหรือเนื้อหาของงานศิลปะ จุดเด่นเกิดจากการเน้นส่วนประกอบด้วยวิธีการต่างๆ เป็นประธานของส่วนประกอบ โดยมีส่วนรองช่วยสนับสนุนให้จุดเด่นมีความน่าสนใจมากขึ้น แต่จะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน
            4. ความกลมกลืน (Harmony) หมายถึง การประสานสัมพันธ์กันขององค์ประกอบศิลป์ เช่น รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก ประกอบเข้าด้วยกันแล้วมีความกลมกลืนเข้ากันได้ดี ไม่ขัดแย้งกัน ในงานศิลปะบางครั้งถ้ามีความกลมกลืนกันมากเกินไปจะดูน่าเบื่อได้ การเพิ่มความขัดแย้งเข้าไปบ้างเล็กน้อยจะช่วยให้ผลงานศิลปะน่าสนใจขึ้น
            5. ความขัดแย้ง (Contrast) หมายถึง ความไม่ลงรอยกัน ไม่เข้ากันขององค์ประกอบต่างๆ ของงานศิลปะเกิดการต่อต้านซึ่งกันและกันทำให้ขาดความประสานกลมกลืน เช่น รูปทรงที่ต่างกัน สีตรงกันข้ามกัน ลักษณะผิวหยาบกับลักษณะผิวละเอียด ดังนั้น นักออกแบบจะต้องขจัดความขัดแย้งให้เปลี่ยนเป็นความกลมกลืน โดยการลดปริมาณขององค์ประกอบศิลป์ที่ขัดแย้งกันลงในส่วนใดส่วนหนึ่งให้เหลือน้อยลงประมาณร้อยละ ๒๐ หรือเพิ่มลักษณะรูปร่าง รูปทรง ขนาด ให้ใกล้เคียงกันจะทำให้องค์ประกอบนั้นกลมกลืนขึ้น แต่ยังมีความขัดแย้งอยู่บ้างเล็กน้อย ถือเป็นสีสันของงานออกแบบ

             เทคนิคการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนภาพระบายสี

เทคนิคการใช้วัสดุอุปกรณ์ในการเขียนภาพระบายสี

1. ดินสอดำ ควรเหลาให้แหลมพอสมควร การจับดินสอควรจับดินสอตามความถนัด ให้ส่วนปลายดินสอ ห่างจากนิ้วมือพอสมควร เพื่อจะช่วยให้การร่างภาพได้คล่องตัวขึ้น

2. ดินสอสี ใช้ดินสอสีแรเงาด้วยสีเดียวหรือใช้หลายสีแรเงาผสมกันก็ได้ แต่ควรใช้สีอ่อนระบายก่อนแล้วค่อยระบายสีแก่ให้เข้มขึ้นตามลำดับ

3. ปากกา การใช้ปากกานี้ ผู้เขียนควรผ่านทักษะประสบการณ์ในการวาดรูปมาอย่างดีก่อน เพราะการเขียน ด้วยวัสดุชนิดนี้ต้องอาศัยการตัดสินใจเร็วลบไม่ได้เมื่อผิดพลาด นอกจากนี้ปากกาหมึกสีดำยังใช้เขียนประกอบการระบายสีน้ำได้เป็นอย่างดี

4. ปากกาเมจิก เวลาใช้ควรใช้สีอ่อนเขียนก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักสีขึ้นเป็นสีแก่หรือเข้มขึ้นตามลำดับ เช่น ใช้สีฟ้าระบายแล้วเพิ่มเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วง เป็นต้น ข้อควรระวังเป็นพิเศษคือ ปลายปากกาเมจิกอาจสกปรกง่ายเมื่อใช้เขียนสีทับกัน ควรมีกระดาษคอยซับสีออกให้สะอาดก่อนนำไปเขียนภาพอื่นต่อไป

5. สีน้ำ มีลักษณะโปร่งใส เมื่อระบายบนกระดาษขาวแล้วจะปรากฏได้ชัดเจนว่ามีสีสดใสสวยงาม เวลาใช้สีต้องผสมกับน้ำแล้วระบายให้เรียบ ไม่นิยมใช้สีหนาทึบจนเกินไปหรือระบายซ้ำกันหลายครั้งจะทำให้สีขุ่น การใช้สีมักนิยมระบายสีอ่อนไปหาสีแก่
การระบายสีน้ำแบบเปียกบนแห้ง หมายถึง การระบายสีที่เปียกชุ่มลงบนกระดาษที่แห้ง วิธีประเภทนี้เหมาะแก่การระบายสีให้เรียบ การฝึกใช้พู่กันระบายสีแบบป้ายเรียบมี ๒ วิธี คือ 
      1) การฝึกใช้พู่กันป้ายเรียบสีเดียว ผสมสีให้ชุ่มน้ำ แล้วใช้พู่กันระบายสีแบบป้ายเรียบไปทีเดียวโดยไม่ให้ซ้ำกัน
      2) การฝึกใช้พู่กันป้ายสีเรียบหลายสี ผสมสีให้ชุ่มน้ำหลายสี แยกเป็นสีม่วงและสีแดงลงในจานสี แล้วระบายสีแบบป้ายเรียบด้วยสีแดงก่อน แล้วระบายสีม่วงลงข้างๆ กับสีแดง เกลี่ยสีเล็กน้อยเพื่อให้สีทั้งสองผสมกัน สีจะซึมซาบเข้าหากันได้อย่างสวยงาม
6. สีโปสเตอร์ มีคุณสมบัติเป็นสีทึบแสง มีเนื้อสีละเอียดระบายให้เรียบได้ง่ายและนุ่มนวลกว่าสีชนิดอื่น การระบายสีสามารถระบายทับซ้อนกันได้หลายครั้งเมื่อต้องการระบายสีใหม่ ถ้าต้องการระบายเป็นสีเข้มให้ใช้สีแท้ๆ ผสมกับสีดำแล้วระบายลงบนพื้นกระดาษ ถ้าต้องการระบายสีอ่อน ควรใช้สีขาวเป็นส่วนผสมก็จะได้สีที่มีค่าอ่อนและนุ่มนวลยิ่งขึ้น

bottom of page