
FASHION TITLE
สุขศึกษาพลศึกษา
เรื่องที่ 2 ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น
ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นจะมีแบบแผนเดียวกัน แต่อัตราการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น แต่ละคนจะแตกต่างกันไปหรืออาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น ได้ปัจจัยสำคัญที่มีผล ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นมีดังนี้
1.พันธุกรรม
พันธุกรรม (heredity) หมายถึง การถ่ายทอดคุณลักษณะจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งโดยถ่ายทอดผ่านทางยีน (gene)ที่อยู่ในโครโมโซม (chromosome) ของพ่อ และแม่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะเกิดขึ้นเมื่อมีการผสมกันระหว่างเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชาย คือ ตัวอสุจิ (sperm) และเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง คือ ไข่ (ovum) โครโมโซม เพศของพ่อและแม่จะจับคู่กัน จีนที่อยู่ในโครโมโซมจะรวมตัวกัน ลูกจึงได้รับการถ่ายทอดลักษณะต่างๆมาจากพ่อและแม่ ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ได้แก่ ลักษณะทางกาย เช่น ชนิดกลุ่มเลือด สีผม สีผิว สันัยน์ตา ความสูง และลักษณะทางจิตใจและเชาวน์ปัญญา ได้แก่ ความสามารถทางสติปัญญา ตลอดจนการถ่ายทอดลักษณะ ความผิดปกติของโรคและความบกพร่องต่างๆที่อาจส่งผลต่อ ร่างกาย สภาพจิตใจ และสติปัญญาของวัยรุ่นได้ เช่น สภาวะปัญญาอ่อน ภาวะเตี้ยแคระ ตาบอดสี ผิวเผือก โรคลม บ้าหมู โรคธาลัสซีเมีย
2. การทำงานของต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ (endocrine gland) เป็นต่อมไม่มีท่อที่อยู่ในร่างกาย จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน (hormone) ต่างๆ เข้าไปในกระแสเลือดไปสู่อวัยวะเป้าหมาย เพื่อควบคุมการ ทำงานของอวัยวะต่างๆกระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุล
ต่อมไร้ท่อที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น ได้แก่ ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (adrenal gland) โดย แต่ละต่อมดังกล่าวจะผลิตฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ สำคัญและมีผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่นแตกต่างกันออกไป เช่น โกรทฮอร์โมน (growth hormone)เป็น ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของ ร่างกายให้ปกติ โดยเฉพาะการแบ่งเซลล์ การสังเคราะห์โปรตีน และการเจริญเติบโตของกระดูก ฮอร์โมนในกลุ่มโกนาโดโทรฟิน (gonadotrophin hormone) กระตุ้นการสร้าง ตัวอสุจิในวัยรุ่นชายและการตกไข่ในวัยรุ่นหญิง ฮอร์โมนไทรอกซิน (thyroxin hormone) ทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อการพัฒนาการทางเพศของวัยรุ่นขายมากกว่าวัยรุ่นหญิง
3.พฤติกรรมสุขภาพ
พฤติกรรมสุขภาพ (health behavior) ตามความหมายของคณะกรรมการสุขศึกษา(2539:23)หมาย ถึง การกระทำหรือการปฏิบัติของบุคคลที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งเป็น ผลจากการเรียนรู้ของบุคคลเป็นสำคัญ โดยแสดงออกให้เห็นได้ในลักษณะของการกระทำและการไม่กระทำในสิ่งที่เป็นผลดี ต่อสุขภาพหรือผลเสียต่อสุขภาพ
พฤติกรรมสุขภาพแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ พฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์และพฤติกรรมเสี่ยง โดยพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมที่วัยรุ่นปฏิบัติแล้ว ส่งผลดี ต่อสุขภาพ เช่น การออกกำลังกายสม่าเสมอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงเป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติแล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ สุขภาพของตัว วัยรุ่นเองและผู้อื่น เช่น การดื่มสุราแล้วขับรถยนต์ การเสพสารเสพติด การสำส่อนทางเพศ ดังนั้นพฤติกรรมสุขภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบ โต และพัฒนาการตามวัยของวัยรุ่น กล่าวคือถ้าวัยรุ่นคนใดมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ย่อมมีร่างกายที่แข็งแรง ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตในทางตรงกันข้ามถ้ามีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ พึง ประสงค์ก็จะเจ็บป่วยหรือเป็นโรค ส่งผลให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
4.สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม (environment) หมาย ถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราและมีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ สิ่งแวดล้อมจึงมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตและภาวะ สุขภาพของวัยรุ่นเป็น อย่างมาก โดยเฉพาะปัจจุบันในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกได้เกิดปัญหามลพิษสิ่แวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ผู้คนมีภาพชีวิตที่ด้อยลง ซึ่งวัยรุ่นที่อยู่ ในสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมย่อมมีปัญหาสุขภาพ เจ็บป่วยได้ง่าย จึงอาจทำให้เจริญเติบโตช้ากว่าวัยรุ่นคนอื่นๆในวัยเดียวกันได้ นอกจากนี้ปัจจัยในสิ่งแวดล้อมยังรวมถึง ลักษณะการเลี้ยงดูของครอบครัว สภาพสังคมและวัฒนธรรมด้วย โดยวัยรุ่นที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น บิดามารดาให้ความเอาใจใส่มาโดยตลอดในช่วงวัยเด็กจนเข้าสู่วัยรุ่นก็จะมี พัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์มาตราฐานและสุขภาพที่ดี อีกทั้งการอยู่อาศัยในสภาพสังคมที่มีความปลอดภัยและมีระบบบริการสาธารณสุข ที่ถูกต้องเหมาะสมแล้วย่อมส่งเสริมการ มีสุขภาพที่ดีในวัยรุ่นเช่นเดียวกัน
ความเสมอภาคทางเพศ
สังคมยุคโลกาภิวัฒน์ที่ผู้คนดำเนินไปตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น ทำให้บทบาทของชายหญิงได้รับการมองว่าต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งสังคมไทยก็เปิดกว้างยอมรับค่านิยมแบบสากลนี้
ความสำคัญของความเสมอภาคทางเพศ
ในปัจจุบันบทบาททางเพศระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในสังคมเปลี่ยนแปลงไปจาก
เดิม โดยเฉพาะในสังคมไทย ซึ่งแต่เดิมนั้นมองบทบาททางเพศของผู้ชายว่าอยู่ในฐานะ “ ช้างเท้าหน้า ” และมองบทบาททางเพศของผู้หญิงว่าอยู่ในฐานะ “ ช้างเท้าหลัง ” นั่นคือ ให้บทบาทของผู้ชายเป็นผู้นำและบทบาทของผู้หญิงเป็นผู้ตาม
อาจกล่าวได้ว่าสังคมไทยแต่เดิมนั้นกำหนดความเสมอภาคทางเพศโดยเฉพาะประ
เด็นในเรื่องของการแสดงออกทางเพศอย่างไม่ค่อยเท่าเทียมกันนัก เมื่อวัฒนธรรมตะวัน
ตกเข้ามาเผยแพร่ ค่านิยมหลายอย่างของเราก็ได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นสากลซึ่งเรื่องความเสมอภาคทางเพศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการเรียกร้องให้มีการแก้ไข และก็สามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขด้านในหลายประเด็น
ดังนั้น ความเสมอภาคทางเพศ จึงหมายถึง การที่เพศชายและเพศหญิงมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงบทบาทของตนเองต่อสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน แต่ต้องอยู่ภายในกรอบที่เหมาะสมของวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย ในปัจจุบันสังคมไทยให้ความ สำคัญกับเรื่อง ความเสมอภาคทางเพศมากขึ้น โดยมองบทบาททางเพศของชายและหญิงว่ามีระดับที่เท่าเทียมกัน ไม่มีการกีดกันทางเพศ
ดังนั้น ความสำคัญของความเสมอภาคทางเพศ จึงขึ้นอยู่กับความเข้าใจในบทบาททางเพศและการมีสัมพันธภาพที่เหมาะสมระหว่างชายหญิง โดยวัยรุ่นจะรู้สึกอ่อนไหวกับคำพูดที่เกี่ยวข้องกับบทบาททางเพศของตนเองมากขึ้น
โดยวัยรุ่นจะเลียนแบบพฤติกรรมซึ่งเป็นบทบาททางเพศจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับตัว เอง กล่าวคือ วัยรุ่นชายจะเลียนแบบจากพ่อ พี่ชาย หรือญาติชายที่ใกล้ชิด ในขณะที่วัยรุ่นหญิงก็จะเลียนแบบจากแม่ พี่สาว หรือญาติสาวที่สนิท
การวางตัวต่อเพศตรงข้าม
การวางตัวต่อเพศตรงข้าม
หมายถึง การที่เพศชายและเพศหญิงประพฤติปฏิบัติต่อ
กันและกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างกัน ซึ่งในที่นี้จะขอนำเสนอแนวทางในการวางตัวต่อเพศตรงข้ามในสองสถานภาพ คือ ในฐานะเพื่อนและในฐานะคู่รัก
1. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะเพื่อน เมื่อชายหญิงคบกันในฐานะเพื่อน เราควรปฏิบัติตนต่อเพศตรงข้ามทั้งใน ด้านการพูด การแสดงกิริยา และการประ พฤติตัวด้านอื่นๆ ในลักษณะที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
2. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะคู่รัก เมื่อชายหญิงมีความสัมพันธ์กันในฐานะคู่รัก ก็ควรหาโอกาศได้เรียนรู้อุปนิสัย ความต้องการ ค่านิยม และความสนใจของกันและกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้ามในฐานะคู่รักได้พัฒนาไปสู่ฐานะคู่สมรสอนึ่ง ในวัยหนุ่มสาว เพศชายและเพศหญิงจะมีแรงขับทางเพศมาก ซึ่งเป็น ไปตามธรรมชาติความใกล้ชิดกันมากเกินไป อาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้
ปัญหาทางเพศ
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของหลายๆคนก็คือปัญหาทางเพศซึ่งมีอยู่หลายลัษณะไม่ว่าจะเป็นความสับสนต่างๆ การมีความรักใคร่ชอบพอคู่รักที่เป็นเพศเดียวกับตน เป็นต้น
1. ลักษณะปัญหาทางเพศ
สถานภาพทางเพศเป็นสิ่งที่ติดตัวทุกคนมาตั้งแต่กำเนิด สถานภาพทางเพศก็อาจจะ
มิใช่ปัจจัยกำหนดความเป็นชายเป็นหญิงได้อย่างแท้จริงทั้งหมด เนื่องจากบุคคลบางกลุ่มอาจเกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งสามารถจำแนกลักษณะปัญหาทางเพศได้ ดังนี้
1. ความสับสนในความเป็นชายหญิง จะเริ่มต้นในวัยเด็ก โดยเด็กผู้ชายอายุ 3-6 ปี
บางคนชอบเล่นตุ๊กตา ชอบแสดงท่าทางคล้ายผู้หญิง แต่พออายุ 12-13 ปี ความรู้สึกและการแสดงออกอย่างนี้อาจหายไปเลย
2. ความเบี่ยงเบนทางเพศ ( Sexual Deviations ) คือ กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมทาง
เพศผิดปกติ ซึ่งแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
2.1 ) ปฏิเสธเพศ ( Transexual ) คือ ผู้ที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับในเพศที่แท้จริงที่มี
มากำเนิด รวมทั้งมีความเชื่อว่าเพศที่ปรากฏทางร่างกายของตนไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเพศชายโดยชายเหล่านี้จะมีลักษณะท่าทางการแสดงออกเป็นเพศหญิง
2.2) รักร่วมเพศ ( Homosexual ) คือ ผู้ที่มีความพึงพอใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ได้แก่ ชายรักชาย และหญิงรักหญิง
1) ชายรักชาย หรือเกย์ ( Gay ) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เกย์คิง หมายถึง ผู้ที่แสดงบทบาททางเพศเป็นชายหรือฝ่ายกระทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ เกย์ควีน หมายถึง ผู้ที่แสดงบทบาททางเพศเป็นหญิงหรือฝ่ายถูกกระทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์
2) หญิงรักหญิง หรือเลสเบี้ยน ( Lesbian ) คนไทยมีคำเรียกดั้งเดิมว่า อัญจารี แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ทอม หมายถึง การแสดงออกภายนอกมีลักษณะภายนอกเป็นชาย ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ ดี้ หมายถึง การแสดงออกภายนอกจะมีลักษณะเป็นหญิง
2.3) รักสองเพศ ( Bisexuality ) หมายถึง ผู้ที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ทั้งกับเพศชายและเพศหญิง ภาษาชาวบ้านนิยมเรียกว่า เสือไบ หรือพวกกระแสสลับ
แนวทางการแก้ไขปัญหาทางเพศ
เพื่อให้เด็กมีพฤติกรรมทางเพศที่ถูกต้อง พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรให้การดูแลเด็กดังนี้
1. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก เพราะหากพ่อแม่แสดงบทบาททางเพศไม่
เหมาะสม จะทำให้ลูกเกิดความเบี่ยงเบนทางเพศได้
2. สนับสนุนให้วัยรุ่นทั้งเพศชายและหญิงแสดงเอกลักษณ์ทางเพศของตนเองให้
ถูกต้องและเหมาะสม
3. สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทางเพศตามที่สังคมไทยและกรอบของขนบ
ธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยได้กำหนดไว้พร้อมทั้งมีการส่งเสริมให้เด็กเห็นคุณค่าและความสำคัญของความเป็นเพศชายและเพศหญิง โดยอาจให้คำแนะนำและเสนอแนะกับเด็กที่เป็นวัยรุ่น ดังนี้
3.1 ยอมรับตนเอง โดยค้นหาและทำความรู้จักตนเองให้ได้ว่าตนเองคือใคร เป็นเพศชายหรือหญิง
3.2 เข้าใจธรรมชาติว่า เมื่อเกิดมาเป็นเพศชายหรือเพศหญิงแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยน แปลงได้
3.3 ภาคภูมิใจในเพศของตนเองและเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่มีพฤกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
3.4 ส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านเพศศึกษา